Chang Thai Motorbike Rental Phuket

วัดพระทอง สักการะไหว้วัดพระผุด จ.ภูเก็ต อัพเดตใหม่ 2024

วัดพระทอง

วัดพระทอง ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2328 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2523 มีพระพุทธรูปโบราณ มีลักษณะครึ่งองค์โผล่จากพื้น และมีอีกเรื่องเล่าว่า เมื่อคราวพระเจ้าปดุงมาตีเมืองถลางก็พยายามขุดพระไปด้วย แต่ไม่สามารถนำขึ้นได้เช่นกัน จึงสร้างพระครึ่งองค์ครอบไว้เรียกว่า พระผุด จนเมื่อพระธุดงค์มาปักกลดบริเวณนี้แล้วสร้างวัด โดยอัญเชิญพระผุดเป็นพระประธานในโบสถ์ กล่าวกันว่าพระผุดเป็นพระทองคำ จึงพอกปูนทับลงไปอีกครั้งดังที่เห็นในปัจจุบัน นามของวัดชาวบ้านเรียกแตกต่างกันไปว่า  วัดพระทอง วัดนาใน บ้าง วัดพระผุด บ้าง หรือ วัดพระหล่อคอ ตามลักษณะพระพุทธรูป

ใครที่มา เที่ยวภูเก็ต ต้องไม่พลาดมาแวะนมัสการ พระผุด พระพุทธรูป สุด Unseen และเก่าแก ที่ หรือ วัดพระผุด ภูเก็ต แห่งนี้กันสักครั้งค่ะ ไหว้พระ ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล อีกทั้งยังได้เที่ยวชม พิพิธภัณฑสถาน ที่รวบรมโบราณวัตถุต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของชาวภูเก็ตในอดีตได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว พอลงจากเครื่องปุ๊ป เราก็มาอยู่ที่หน้าวัดปั๊ป เพราะ หรือ วัดพระผุด แห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตเท่าไหร่ค่ะ อีกทั้งยังเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงวัดหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต อีกทั้งยังมีตำนานเรื่องเล่าอันศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์อีกด้วย เพราะฉะนั้นก่อนไปเที่ยวที่อื่นๆ

สายบุญอย่างเราจึงแวะมาที่วัดกันก่อน เพื่อทำบุญ ไหว้พระ วัดพระทอง

ตั้งอยู่ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเทพกระษัตรี ภายในวัดมีพระผุด พระพุทธรูปปิดทองเหลืองอร่ามสวยงามผุดขึ้นมาจากพื้นเพียงครึ่งองค์ เป็นที่เคารพของชาวพุทธในพื้นที่เป็นอย่างมาก และยังมีพิพิธภัณฑสถาน ที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของชาวภูเก็ตในยุคแรก ๆ เช่น จังชุ่ย ซึ่งเป็นเสื้อกันฝนที่มีความคงทนต่อการสวมใส่ทำงานในเหมืองแร่ดีบุก รองเท้าตีนตุกของสตรีเชื้อสายจีนที่ต้องมัดเท้าเพื่อให้มีขนาดเล็กตามค่านิยมของสังคมสมัยนั้น

unseen สักการะไหว้วัดพระผุด วัดพระทอง  จ.ภูเก็ต หรือ วัดพระผุด ถือเป็นความมหัศจรรย์อันซีนไทยแลนด์ที่ซุกซ่อนในอีกมุมหนึ่งของภูเก็ต โดยมีตำนานความเป็นมาที่น่าสนใจ ตามตำนานเล่าว่า ที่ตั้งของวัดเคยเป็นทุ่งนามาก่อนค่ะ วันหนึ่งมีเด็กชายพากระบือไปเลี้ยงที่ทุ่ง และได้นำเชือกที่ล่ามกระบือ ไปผูกไว้กับตอไม้ริมคลองที่มีโคลนตมติดอยู่ พอกลับมาบ้าน เด็กคนนี้ก็เกิดอาการเป็นลมตายและกระบือก็ตายในเวลาต่อมา พ่อของเด็กฝันเห็นว่า เชือกที่ล่ามกระบือนั้นได้ไปผูกไว้กับเกศพระพุทธรูป เขาจึงชวนเพื่อนบ้านไปขัดล้างตอไม้ริมคลองแห่งนั้น แล้วปรากฏให้เห็นเกศของพระพุทธรูปเป็นทองคำ ชาวบ้านจึงพากันมากราบไหว้กันเรื่อยมา

ค้นพบความมหัศจรรย์ระดับอันซีนไทยแลนด์ที่ซุกซ่อนในอีกมุมหนึ่งของภูเก็ต ซึ่งที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ที่น่าสนใจด้วยตำนานเรื่องเล่าอันศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดินเพียงพระเกตุมาลา และผุดขึ้นมาจากพื้นดินเดียวครึ่งองค์ อันเป็นที่มาของชื่อ “วัดพระผุด” นั่นเอง ที่มาพระผุด มีเรื่องเล่ากันมาว่า เดิมบริเวณที่ตั้งของวัดเคยเป็นทุ่งกว้าง มีนา มีคลอง มีหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ทุ่งนา” วันหนึ่งมีเด็กชายนำกระบือไปเลี้ยงที่ทุ่ง และได้นำเชือกล่ามกระบือไปผูกไว้กับตอไม้ริมคลองที่มีโคลนตมติดอยู่ ครั้นพอกลับบ้าน เด็กคนนี้ก็เกิดอาการเป็นลมตายและกระบือที่ล่ามไว้กับตอไม้ก็ตายไปด้วยกัน

ต่อมาพ่อของเด็กชายฝันว่า การที่เด็กและกระบือตายเพราะนำเชือกล่ามกระบือไปผูกไว้กับเกศพระพุทธรูป เขาจึงชวนเพื่อนบ้านไปขัดล้างตอไม้ริมคลองแห่งนั้น แล้วสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นนั้นกลับมีลักษณะเหมือนเกศ พระพุทธรูปและเป็นทองคำ จนชาวบ้านต่างพากันมาบูชาสักการะกันมากมาย เมื่อเจ้าเมืองทราบ ก็สั่งให้ทำการขุดพระพุทธรูปขึ้นมา ประดิษฐานไว้บูชา แต่ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ บางคนถูกตัวต่อ ตัวแตนอาละวาด เป็นพิษจนถึงแก่ความตาย เจ้าเมืองจึงสั่งให้สร้างสถานที่ขึ้นมาคลุมเอาไว้

และชาวบ้านก็กราบไหว้กันเรื่อยมา พร้อมเรียกพระพุทธรูปองค์นี้เรียกว่าพระผุด

เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน เพียงพระเกศมาลา สูงประมาณ 1 ศอก  วัดพระทอง ส่วนคนจีนจะเรียกพระผุดว่า ภูปุ๊ค (พู่ฮุก) เพราะเชื่อว่าเป็นพระผุดมาจากเมืองจีน ครั้นเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน คนจีนในภูเก็ต พังงา ตะกั่วป่า ท้ายเหมือง และกระบี่ จะพากันมานมัสการพระผุด เป็นประจำจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่เอ่ยถึงพระผุดองค์นี้ ในเหตุการณ์ศึกพระเจ้าปะดุง ที่ยกพลมาตีเมืองถลาง พ.ศ. 2328 ทหารพม่าพยายามขุดพระผุดเพื่อนำกลับไปพม่า แต่ขุดลงไปคราวใดก็มีฝูงแตนไล่ต่อยจนต้องละความพยายาม ต่อมาชาวบ้านได้นำทองมาหุ้มพระพุทธรูปที่ผุดจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ดังที่เห็นในปัจจุบัน

หรือ วัดพระผุด เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงวัดหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ที่มาของชื่อ “วัดพระผุด” มาจากที่วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปที่โผล่จากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ พระเจ้าปะดุง แม่ทัพพม่า ยกทัพมาตีเมืองถลาง ทหารพม่าพยายามที่จะขุดพระผุดเอากลับไป  ประวัติ วัดพระทอง ภูเก็ต แต่เมื่อลงมือขุดก็เจอกับฝูงแตนไล่ต่อย จนต้องล้มเลิก ต่อมาชาวบ้าน ได้นำทองหุ้มพระพุทธรูป ที่ผุดจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ นอกจากนี้ยังมีตำนานสมัยก่อนเล่าว่า มีเด็กผู้ชายคนนึงจูงควายไปกลางทุ่งตามคำสั่งพ่อแม่ ไปเจอกับหลักอยู่หลักหนึ่ง โดยหารู้ไม่ว่า เป็นหลักอะไร แต่ก็นำควายมา ผูกไว้กับหลักนั้น และไปวิ่งเล่นตามประสา ตกเย็นกลับถึงบ้าน

เด็กก็ล้มเจ็บไข้และตายไป ส่วนควายก็ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ พ่อของเด็กฝันถึงสาเหตุที่ลูกชายและควายตาย  วัดพระทอง เพราะลูกชายไปผูกเชือกล่ามควายไว้กับพระเกตุมาลา รุ่งขึ้นจึงไปดู ก็ตรงกับที่ฝัน จากนั้นชาวบ้านจึงได้ไปเรียนให้ท่านเจ้าเมืองได้ทราบ เจ้าเมืองถลางสั่งให้ขุด แต่เกิดความมหัศจรรย์ มีตัวต่อแตนออกมาอาละวาด เจ้าเมืองจึงสั่งให้จัดเป็นสถานที่กราบไหว้ มุงหลังคาเพื่อกันแดดและฝน ชาวบ้านเรียกว่า ” พระผุด” ต่อมาได้มีชีปะขาวรูปหนึ่งมาพักที่เมืองถลาง และรู้ว่ามีพระพุทธรูปทองคำผุดอยู่กลางทุ่งนา ท่านกลัวโจรผู้ร้ายจะขโมยไปขาย

จึงชักชวนชาวบ้านแถบนั้นไปเก็บเปลือกหอยมาเผาไฟทำเป็นปูนขาวผสมกับทรายโบกปิดทับเอาไว้

เล่ากันว่าเดิมบริเวณที่ตั้งของ วัดพระทอง  หรือ วัดพระผุด เคยเป็นทุ่งนา มีคลอง มีหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ วันหนึ่งมีเด็กชายนำกระบือไปเลี้ยงที่ทุ่ง และได้นำเชือกล่ามกระบือไปผูกไว้กับตอไม้ริมคลองที่มีโคลนตมติดอยู่ ครั้นพอกลับบ้านเด็กคนนี้ก็เกิดอาการเป็นลมตายและกระบือที่ล่ามไว้กับตอไม้ก็ตายไปด้วยกัน ต่อมาพ่อของเด็กชายฝันว่า การที่เด็กและกระบือตายเพราะนำเชือกล่ามกระบือไปผูกไว้กับเกศพระพุทธรูป เขาจึงชวนเพื่อนบ้านไปขัดล้างตอไม้ริมคลองแห่งนั้น แล้วสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นนั้นกลับมีลักษณะเหมือนเกศพระพุทธรูปทำด้วยทองคำ จนชาวบ้านต่างพากันมาบูชาสักการะกันมากมาย

เมื่อเจ้าเมืองทราบก็สั่งให้ทำการขุดพระพุทธรูปขึ้นมา ประดิษฐานไว้บูชา แต่ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ บางคนถูกตัวต่อ ตัวแตนอาละวาด เป็นพิษจนถึงแก่ความตาย เจ้าเมืองจึงสั่งให้สร้างสถานที่ขึ้นมาคลุมเอาไว้ และชาวบ้านก็กราบไหว้กันเรื่อยมา พร้อมเรียกพระพุทธรูปองค์นี้เรียกว่าพระผุด Chang Thai  เนื่องจากเป็นผุดขึ้นมาจากพื้นดินเพียงพระเกศมาลา นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่กล่าวถึงพระผุดองค์นี้ว่า ในเหตุการณ์ศึกพระเจ้าปะดุง เมื่อครั้งที่ยกพลมาตีเมืองถลาง พ.ศ. 2328 ทหารพม่าได้พยายามขุดพระผุดเพื่อนำกลับไปพม่าด้วย ทว่าขุดลงไปกี่ครั้งก็มีฝูงแตนไล่ต่อยจนต้องละความพยายาม

เรื่องแรก เป็นเรื่องราวจากชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่าบริเวณวัดในอดีตเป็นที่เลี้ยงสัตว์ ในเช้าวันหนึ่งมีเด็กชายได้นำควายไปเลี้ยงที่ทุ่งนาหาที่ผูกเชือกควายไม่ได้ก็เลยนำไปผูกกับหลักที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน หลังจากกลับมาถึงบ้านเด็กชายก็เกิดเจ็บป่วยแต่ตายลงในที่สุด ในเมื่อไปดูควายที่ทุ่งนาก็เห็นควายนอนตายอยู่ด้วย ตอนกลางคืนพ่อของเด็กชายฝันเห็นสาเหตุที่ลูกตายก็เพราะได้นำเชือกไปผูกไว้กับพระเกศมาลาของพระพุทธรูป รุ่งเช้าจึงได้ชักชวนชาวบ้านและช่วยกันขุด เพื่อนำมาบูชาแต่ก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์มีตัวต่อแตน

ขึ้นมากับดินที่ขุดเป็นจำนวนมาก ไล่ต่อยผู้ที่มาขุด แต่ไม่ทำร้ายคนที่ไม่ขุด

ชาวบ้านต่างทยอยกันนำน้ำมาล้างขัดสีเอาโคลนตมที่ติดอยู่ออกจนหมดจนกระทั่ง วัดพระทอง จ.ภูเก็ต สามารถเห็นเป็นลักษณะเหมือนเกศพระพุทธรูป เหลืองอร่ามเป็นทองคำ ชาวบ้านแตกตื่นพากันมากล่าวไหว้บูชาสักการะเป็นจำนวนมาก ความทราบถึงเจ้าเมืองถลางในสมัยนั้นก็รับสั่งให้ทำการขุดมาประดิษฐาน บนดินแต่ขุดดินอย่างไรก็ไม่สามารถขุดได้นะคะเพราะการขุดแต่ละครั้งก็จะมีเหตุมหัศจรรย์เกิดขึ้นราวกับปาฏิหาริย์

ต่อมาที่มีพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินธุดงค์มาปักกลดในบริเวณดังกล่าวและได้เห็นพระพุทธ ท่านเกรงว่าหากพวกโจรเห็นแล้วจะกลับไปขายเสีย ท่านจึงคิดสร้างวัดที่นี่เพื่อเป็นการรักษาพระพุทธรูปไว้แห่งนี้จึงถูกสร้างในครั้งนั้นนั่นเอง โดยมีหลวงพ่อสิงห์เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดนี้ เรื่องที่สอง เรื่องเล่าจากศึกพระเจ้าปะดุง แม่ทัพพม่า วัดพระทอง  ยกพลมาตีเมืองถลาง ทหารพม่าพยายามที่จะขุดพระผุดเอากลับไป แต่เมื่อลงมือขุดก็เจอกับฝูงแตนไล่ต่อย จนต้องล้มเลิก

วัดฉลอง

หรือสร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 ชื่อจริงของมันคือวัดไชยธาราราม แต่คุณอาจไม่เห็นป้ายถนนใด ๆ (วัดฉลอง)  เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ตและมีผู้เข้าชมมากที่สุด ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากมาสวดมนต์และไหว้พระที่เคารพนับถือหลายคนซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งในหมู่พวกเขา หลวงพ่อแช่ม และ หลวงพ่อช่วง , พระสงฆ์ 2 รูปซึ่งนำประชาชน ของตำบลฉลองต่อสู้กับกบฏชาวจีนในปี 2419

ด้วยความรู้เรื่องยาสมุนไพรช่วยผู้บาดเจ็บ ตัวอาคารส่วนใหญ่ในบริเวณจะเป็นอาคารที่มีความสูง 60 เมตร มีเจดีย์ซึ่งเป็นที่เก็บเศษกระดูกของพระพุทธเจ้า ผนังและเพดานมีการตกแต่งด้วยภาพวาดที่สวยงามแสดงให้เห็นถึงชีวิตของพระพุทธเจ้า เช่นเดียวกับรูปปั้นที่มีคนบริจาคให้กับทางวัด เจดีย์ของถูกสร้างขึ้นอยู่บนชั้นที่ 3 ดังนั้นเมื่อขึ้นถึงด้านบนจะพบกับระเบียง ที่สามารถมองเห็นวิวทั่วไปและวิวของบริเวณวัดได้ทั้งหมด

พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี

พระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนยอดเขานาคเกิด ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขานากเกิด ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เป็นรูปปั้นที่มีความสูงเป็นอันดับที่ห้าของประเทศไทย พระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 25.45 เมตร สูง 45 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ผิวนอกบุด้วยหินอ่อนสีขาว พระพักตร์หันไปทางอ่าวฉลอง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 19 องศา เป็นพระประธานของวัดกิตติสังฆาราม (วัดกะตะ) การก่อสร้างพระใหญ่ ใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ. 2545 ด้วยเงินบริจาคของประชาชน โดยได้รับอนุญาตการจัดสร้างจากกรมป่าไม้ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการประดับผิวองค์พระ

วัดศรีสุนทร

วัดศรีสุนทร เดิมชื่อ วัดบ้านพอน สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2335 ด้านการศึกษา ทางวัดจัดให้มีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2469 นอกจากนี้ยังจัดให้มีห้องสมุดบริการประชาชน หน่วยฌาปนกิจสงเคราะห์ และโรงเรียนวัดศรีสุนทร วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531

Because it is a Buddha! image that rises from the ground.

วัดพระทอง

Just Phra Ketmala is about 1 cubit tall. Chinese people call! Phra Phut Phu Puk (Phu Huk) because they believe it is a Phra Phut from China. When it came to the Chinese New Year festival Chinese people in Phuket, Phang Nga, Takua Pa, Thai! Mueang and Krabi come to worship Phra Phut.

Regularly until this day There! is also a story that mentions this Phra Phut. In the event of the battle of King Padung When troops came to attack Thalang city in 1785, Burmese soldiers tried to dig up Phra Phut! to take back to Burma. But every time I dug down, a swarm of hornets came and stung me until I had to stop trying.

Later, villagers brought gold to cover the Buddha image that! was only half rising from the ground, as seen today. or Wat Phra Phut, is a famous old temple in Phuket. The origin of the name “Wat Phra Phut”  changthairentals  comes from the fact that at this temple there is only half a Buddha image emerging from the ground

King Phadung, the Burmese general, raised his army.

Come visit Muang Thalang Burmese soldiers tried to dig up Phra Phut and take it back.  วัดพระทอง But when he started digging, he! encountered a swarm of hornets. Until he had to give up. Later, the villagers brought! gold to cover the Buddha statue.

that rose only halfway from the ground! There is also a legend from the past saying that There was a boy leading a buffalo into the middle of the field following his parents’ orders. Went to meet the main one. Without knowing what the main thing was, he brought a buffalo. tied to that pillar and go run around as you please Come home in the evening.

The child fell ill and died. The buffalo died for unknown reasons.

The boy’s father dreams about the reason his son and the buffalo died. Because his son tied a rope to a buffalo to Phra Ketmala. The next morning I went to see. It’s exactly as dreamed. Then the villagers went to inform the governor.

The governor of Thalang ordered it to be dug. But a miracle happened. There were wasps and hornets going on a rampage. The governor ordered it to be arranged as a place of worship. Thatched roof to protect from sun and rain.

The villagers called it “Phra Phut”. Later, a white nun came to! stay at Thalang. and knew that there was a golden Buddha statue in the middle of the rice field He was afraid that thieves would steal it and sell it.

Scroll to Top